Official Google Thailand Blog: 02/24/21

ตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ปกครองของเด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่นบน YouTube

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

เด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่นยุคนี้เติบโตมากับโลกออนไลน์ซึ่งเป็นแหล่งให้ความรู้ เสียงหัวเราะ และเป็นสถานที่ที่พวกเขาได้สานสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ละครอบครัวมีแนวทางในการใช้เทคโนโลยี เข้าถึงอินเทอร์เน็ต และตั้งกฎกติกาพื้นฐานสำหรับการใช้สื่อดิจิทัลที่แตกต่างกันไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้ลงทุนเพื่อปกป้องครอบครัวและเด็กๆ บน YouTube เช่น การเปิดตัวแอปสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะ การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเด็กๆ ให้ดียิ่งขึ้น การจำกัดฟีเจอร์ และการปรับปรุงการจำกัดอายุผู้ชม วันนี้เราจะมาแนะนำตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ปกครองที่พิจารณาแล้วว่าเด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่นที่อยู่ในความดูแลของตนพร้อมที่จะสำรวจ YouTube ด้วยบัญชีที่มีการควบคุมดูแล

ประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลบน YouTube

ตั้งแต่เริ่มแรก YouTube เป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่า 13 ปีมาโดยตลอด และเราแนะนำเสมอว่าให้ผู้ปกครองร่วมชมกับบุตรหลานหากเลือกที่จะดู YouTube ในปี 2015 เราได้สร้าง YouTube Kids ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นเพื่อให้เด็กๆ ได้สำรวจสิ่งที่ตัวเองสนใจภายใต้การควบคุมโดยผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นเราก็ได้ทราบจากผู้ปกครองและเด็กโตว่าเด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่นมีความต้องการที่แตกต่างไปจากนั้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเราไม่สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มที่ เมื่อเด็กๆ โตขึ้นก็ย่อมมีความสงสัยใคร่รู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องการอิสระ และมองหาแนวทางใหม่ๆ ในการเรียนรู้ สร้างสรรค์ รวมถึงอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม

ในปีที่ผ่านมา เราได้ร่วมมือกับผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกในด้านความปลอดภัยของเด็ก พัฒนาการเด็ก ตลอดจนทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาโซลูชันสำหรับผู้ปกครองของเด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่น ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะเปิดตัวประสบการณ์การใช้งานแบบใหม่ในเวอร์ชันเบต้าสำหรับผู้ปกครอง เพื่อช่วยให้บุตรหลานได้เข้าถึง YouTube ผ่านบัญชี Google ที่มีการควบคุมดูแล โดยประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลนี้มาพร้อมกับการตั้งค่าเนื้อหาและฟีเจอร์ที่จำกัดสำหรับเด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่น ในเวอร์ชันเบต้าเริ่มต้น เราจะให้ครอบครัวที่มีบุตรหลานที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านอายุได้ทดสอบและแสดงความคิดเห็นในขณะที่เราสร้างและปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานนี้ต่อไป

มอบตัวเลือกเนื้อหาให้ผู้ปกครองบน YouTube

เรารู้ว่าผู้ปกครองแต่ละคนมีแนวทางการเลี้ยงดูที่ต่างกัน และเด็กทุกคนก็ไม่เหมือนกัน รวมถึงมีระดับพัฒนาการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา เราจึงมอบตัวเลือกในการตั้งค่าเนื้อหาถึง 3 ประเภทให้แก่ผู้ปกครองบน YouTube

สำรวจ: สำหรับเด็กๆ ที่พร้อมจะออกจาก YouTube Kids ไปสำรวจเนื้อหาบน YouTube การตั้งค่านี้จะมีวิดีโอหลากหลายแนวที่โดยทั่วไปแล้วเหมาะสำหรับผู้ชมอายุ 9 ปีขึ้นไป เช่น วิดีโอบล็อก บทแนะนำ วิดีโอเกม คลิปเพลง ข่าว เนื้อหาด้านการศึกษา และอีกมากมาย
สำรวจเพิ่มเติม: มีเนื้อหาที่โดยทั่วไปแล้วเหมาะสำหรับผู้ชมอายุ 13 ปีขึ้นไป การตั้งค่านี้จะแสดงวิดีโอในขอบเขตที่กว้างขึ้นรวมถึงสตรีมแบบสดที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกับ "สำรวจ"
เนื้อหาส่วนใหญ่ของ YouTube: การตั้งค่านี้จะแสดงวิดีโอเกือบทั้งหมดบน YouTube ยกเว้นเนื้อหาที่จำกัดอายุผู้ชม และจะแสดงหัวข้อที่ละเอียดอ่อนซึ่งอาจเหมาะสำหรับวัยรุ่นที่โตแล้วเท่านั้น

เราออกแบบตัวเลือกนี้มาเพื่อผู้ปกครองที่คิดว่าบุตรหลานของตนพร้อมจะสำรวจวิดีโอซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาลบน YouTube แล้ว เราจะใช้ข้อมูลจากผู้ใช้ แมชชีนเลิร์นนิง และการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ประกอบกันในการกำหนดวิดีโอที่จะแสดง เราทราบดีว่าระบบมีโอกาสทำงานผิดพลาด แต่ก็จะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลา

เราขอแนะนำให้ผู้ปกครองช่วยแนะนำและสนับสนุนประสบการณ์การใช้งานของบุตรหลานบน YouTube ต่อไป โดยเราได้พัฒนาคู่มือร่วมกับ National PTA, Parent Zone และ Be Internet Awesome เพื่อช่วยผู้ปกครองในการเริ่มใช้งาน นอกจากนี้ เราจะเปิดตัวแคมเปญแบบต่อเนื่องที่มีครีเอเตอร์มาร่วมพูดคุยในประเด็นต่างๆ เช่น การกลั่นแกล้ง การล่วงละเมิด การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คุณภาพชีวิตกับโลกดิจิทัล และอีกมากมาย

ฟีเจอร์ใหม่สำหรับครอบครัว

เราเข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างการสนับสนุนให้เด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่นได้มีอิสระอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น กับการมอบแนวทางการควบคุมให้ผู้ปกครอง นอกจากการเลือกการตั้งค่าเนื้อหาแล้ว ผู้ปกครองยังสามารถจัดการประวัติการดูและประวัติการค้นหาได้ภายในการตั้งค่าบัญชีของบุตรหลาน ทั้งยังสามารถใช้การควบคุมอื่นๆ จาก Family Link ของ Google เช่น ตัวจับเวลาหน้าจอ เราจะเพิ่มการควบคุมโดยผู้ปกครองแบบใหม่ต่อไปอีกในอนาคต เช่น การบล็อกเนื้อหา

เมื่อผู้ปกครองให้สิทธิ์เข้าถึง YouTube ประสบการณ์การใช้งานของบุตรหลานจะคล้ายกับ YouTube แบบปกติ แต่ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์บางรายการเพื่อปกป้องผู้ชมที่อายุน้อย เช่น เราจะไม่แสดงโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้หรือโฆษณาในบางหมวดหมู่ และจะปิดใช้การซื้อในแอป รวมถึงฟีเจอร์การสร้างและการแสดงความคิดเห็นด้วยเมื่อเปิดตัว เนื่องจากการแสดงความเป็นตัวของตัวเองและชุมชนเป็นส่วนสำคัญของ YouTube และพัฒนาการของเด็ก เราจึงจะร่วมมือกับผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญในอนาคตเพื่อเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้บางรายการ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับวัยและใช้แนวทางการควบคุมโดยผู้ปกครอง

การลงทุนใน YouTube Kids

เราสร้างประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลแบบใหม่นี้สำหรับผู้ปกครองที่คิดว่าบุตรหลานซึ่งเป็นเด็กโตพร้อมที่จะใช้ YouTube แล้ว ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำให้เด็กเล็กใช้ YouTube Kids ในการรับชมอย่างอิสระตามลำพังโดยมีการควบคุมเนื้อหาที่รัดกุมกว่า

YouTube Kids พร้อมให้บริการในกว่า 80ประเทศ และขณะนี้มีผู้ชมกว่า 35 ล้านคนใช้ YouTube Kids ทุกสัปดาห์ โดยเราจะยังคงขยายความพร้อมให้บริการของผลิตภัณฑ์ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ และนำเสนอเครื่องมือผู้ปกครองใหม่ๆ อีกมากมาย เช่น ตัวเลือกให้ผู้ปกครองสามารถเลือกวิดีโอและช่องแบบเจาะจงจากแพลตฟอร์มหลักของ YouTube ที่ต้องการให้บุตรหลานได้สำรวจบน YouTube Kids ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีการขอเข้ามาเป็นจำนวนมาก

เราทราบดีว่ายังมีหนทางอีกยาวไกลในการออกแบบประสบการณ์การใช้งานนี้สำหรับผู้ปกครองของเด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่น ในระยะยาว เราหวังว่าจะสามารถช่วยมอบสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้เด็กโตได้สำรวจสิ่งที่ตนสนใจ เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน พร้อมๆ กับการมอบแนวทางเพิ่มเติมให้ผู้ปกครองได้สนับสนุนประสบการณ์การใช้งานในโลกออนไลน์ของบุตรหลานด้วย

James Beser, Director of Product Management, Kids and Family

A new choice for parents of tweens and teens on YouTube

This generation of tweens and teens has grown up online, and it’s where they go to learn, laugh, and connect. Every family has a different approach to how they use technology, access the internet and set digital ground rules. Over the years, we’ve made investments to protect families and kids on YouTube, such as launching a dedicated kids app, better protecting their privacy, restricting features and improving age restrictions. Today, we are announcing a new choice for parents who have decided their tweens and teens are ready to explore YouTube with a supervised account.

Supervised experiences on YouTube

From our earliest days, YouTube has been a platform for people over 13, and we’ve always recommended that parents co-watch with their kids if they choose to watch YouTube. In 2015, we created YouTube Kids, a safer destination for kids to explore their interests while providing parental controls. But since then, we’ve heard from parents and older children that tweens and teens have different needs, which weren’t being fully met by our products. As children grow up, they have insatiable curiosity and need to gain independence and find new ways to learn, create, and belong.

Over the last year, we've worked with parents and experts across the globe in areas related to child safety, child development, and digital literacy to develop a solution for parents of tweens and teens. In the coming months, we’ll launch a new experience in beta for parents to allow their children to access YouTube through a supervised Google Account. This supervised experience will come with content settings and limited features. We’ll start with an early beta for families with kids under the age of consent to test and provide feedback, as we continue to expand and improve the experience.

Giving parents content options on YouTube

We know that every parent has a different parenting style and that every child is unique and reaches different developmental stages at different times. That’s why we’ll give parents the ability to choose from 3 different content settings on YouTube.

Explore: For children ready to move on from YouTube Kids and explore content on YouTube, this setting will feature a broad range of videos generally suitable for viewers ages 9+, including vlogs, tutorials, gaming videos, music clips, news, educational content and more.
Explore More: With content generally suitable for viewers ages 13+, this setting will include an even larger set of videos, and also live streams in the same categories as “Explore.”
Most of YouTube: This setting will contain almost all videos on YouTube, except for age-restricted content, and it includes sensitive topics that may only be appropriate for older teens.

This option was designed for parents who think their children are ready to explore the vast universe of YouTube videos. We will use a mix of user input, machine learning and human review to determine which videos are included. We know that our systems will make mistakes and will continue to evolve over time.

We recommend parents continue to be involved in guiding and supporting their child’s experience on YouTube. To help parents get started, we’ve developed a guide in partnership with National PTA, Parent Zone and Be Internet Awesome. We’ll also launch an ongoing campaign that features creators discussing themes like bullying and harassment, misinformation, digital well-being and more.

New features for families

We understand the importance of striking a balance between empowering tweens and teens to more safely gain independence, while offering parents ways to set controls. In addition to choosing the content setting, parents will be able to manage watch and search history from within their child's account settings. Parents can also use other controls offered by Google’s Family Link, including screen timers. We’ll continue adding new parental controls over time, such as blocking content.

When a parent grants access to YouTube, their child’s experience will feel much like regular YouTube, but certain features will be disabled to protect younger audiences. For example, we won't serve personalized ads or ads in certain categories. At launch, we'll also disable in-app purchases, as well as creation and comments features. Since self-expression and community are integral parts of YouTube and children's development, over time we'll work with parents and experts to add some of these features through an age-appropriate and parent controlled approach.

Investing in YouTube Kids

We’re building this new supervised experience for parents who think their older kids are ready to use YouTube, but we still recommend YouTube Kids for younger kids to watch independently and have a more contained viewing experience.

With availability in over 80 countries, now over 35 million viewers use YouTube Kids every week. We’ll continue expanding product availability, adding new features, and offering several new parental tools, such as a highly-requested option for parents to select specific videos and channels from the main YouTube platform that they’d like their child to explore on YouTube Kids.

We know that we have a long journey ahead of us as we design this experience for parents of tweens and teens. Over the long term, we hope this will provide a safer environment for older children to explore their interests, learn new skills, connect with communities that share their passions, while giving parents more ways to support their kids' online experience.

James Beser, Director of Product Management, Kids and Family

ข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนช่วยต่อสู้กับโรคได้อย่างไร

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจและต่อสู้กับโรคต่างๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่ภาพประกอบที่วาดด้วยมือของฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ในช่วงทศวรรษ 1800 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการสุขาภิบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพมีส่วนทำให้เกิดโรคติดต่อได้อย่างไร ไปจนถึงแพลตฟอร์มสำหรับจัดเก็บข้อมูลแบบโอเพ่นซอร์สแห่งแรกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤตอีโบลาในปี 2014 ในแอฟริกาตะวันตก เมื่อมีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกในอู่ฮั่น ข้อมูลก็ได้กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดอีกครั้งในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มนักวิจัยที่ทำการบันทึกการระบาดครั้งแรกได้ร่วมมือกันและเริ่มรวบรวมข้อมูลที่สามารถช่วยให้นักระบาดวิทยาทั่วโลกสามารถจำลองวิถีของการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ โดยนักวิจัยกลุ่มนี้มาจากหลากหลายสถาบัน อาทิ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยชิงหัว มหาวิทยาลัยนอร์ธอีสเทิร์น โรงพยาบาลเด็กบอสตัน
อย่างไรก็ตามขั้นตอนการทำงานของพวกเขาในช่วงเริ่มแรกไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับมือกับการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด นักวิจัยกลุ่มนี้จึงหันมาขอความช่วยเหลือจาก Google.org โดย Google.org ได้มอบทุนสนับสนุนให้แก่พวกเขาเป็นจำนวน 1.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนบรรเทาภัยโควิด-19 มูลค่ารวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ Google พร้อมทั้งจัดทีมอาสาสมัครแบบเต็มเวลาจากโครงการ Google.org Fellowship ที่เรียกว่า Google.org Fellows จำนวน 10 คน และอาสาสมัครแบบพาร์ทไทม์ของ Google อีก 7 คนเพื่อช่วยเหลือโครงการนี้
อาสาสมัครของ Google ได้ทำงานร่วมกับนักวิจัยกลุ่มนี้เพื่อสร้าง Global.health แพลตฟอร์มแบบเปิดที่สามารถปรับขนาดได้ซึ่งรวบรวมข้อมูลผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่ระบุตัวตนหลายล้านรายจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้นักระบาดวิทยาทั่วโลกสร้างแบบจำลองวิถีของโควิด-19 รวมทั้งติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัสและการแพร่ระบาดของโรคในอนาคต
ความต้องการข้อมูลผู้ติดเชื้อที่เชื่อถือได้และไม่ระบุตัวตน
เมื่อเกิดการระบาดของโรค การเข้าถึงข้อมูลที่มีการจัดระเบียบ น่าเชื่อถือ และไม่มีการระบุตัวตนอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำด้านสาธารณสุขในการแจ้งการตัดสินใจด้านนโยบายระยะแรก การแทรกแซงทางการแพทย์ และการจัดสรรทรัพยากร ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถชะลอการแพร่กระจายของโรคและช่วยชีวิตผู้คนได้ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้มาจากข้อมูลแบบ "บรรทัดรายการ" (เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับระดับอาการของผู้ป่วยที่ไม่ระบุตัวตน) ซึ่งตรงข้ามกับข้อมูลรวมอย่างเช่นจำนวนผู้ป่วย เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักระบาดวิทยาในการวิเคราะห์เชิงสถิติโดยละเอียดมากขึ้นและสร้างแบบจำลองประสิทธิภาพของการแทรกแซง
อาสาสมัครที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเริ่มจัดการข้อมูลนี้ด้วยตนเอง แต่ก็มีการเผยแพร่บนเว็บไซต์หลายร้อยแห่งในหลากหลายรูปแบบและหลากหลายภาษา ด้านทีม HealthMap ที่โรงพยาบาลเด็กบอสตันได้ระบุรายงานเบื้องต้นของโควิด-19 ผ่านการสร้างดัชนีอัตโนมัติของเว็บไซต์ข่าวและแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ ทั้งสองทีมร่วมมือกัน แบ่งปันข้อมูล และเผยแพร่ผลการวิจัยที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อสร้างทรัพยากรที่เชื่อถือได้สำหรับชุมชนทั่วโลก
การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลคือหัวใจสำคัญในการออกแบบแพลตฟอร์มใหม่นี้ ข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนที่นำมาใช้ใน Global.health มาจากแหล่งข้อมูลด้านสาธารณสุขแบบเปิดที่เชื่อถือได้และผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยคณะผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าการนำเสนอข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนดเกี่ยวกับความเป็นนิรนามที่เข้มงวด
การเข้าร่วมโครงการ Google.org Fellowship
เพื่อช่วยเหลือชุมชนนักวิจัยทั่วโลกในความพยายามที่มีความหมายนี้ Google.org จะให้การสนับสนุน Google.org Fellows จำนวน 10 คนที่ใช้เวลาถึง 6 เดือนในการทำงานแบบเต็มเวลาเพื่อสร้าง Global.health นอกเหนือจากทุนสนับสนุนจำนวน 1.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้การทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและโรงพยาบาลเด็กบอสตัน ทีมงาน Google.org ได้พูดคุยกับนักวิจัยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ในแนวหน้าของสมรภูมิโควิด-19 เพื่อทำความเข้าใจกับความท้าทายในชีวิตจริงที่พวกเขาต้องเผชิญเมื่อต้องค้นหาและใช้ข้อมูลคุณภาพสูงที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายและเป็นกระบวนการที่ต้องทำด้วยตนเองซึ่งมักใช้เวลานานหลายชั่วโมง
Google.org Fellows ช่วยทีม Global.health ในการออกแบบขั้นตอนการนำเข้าข้อมูลเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการตรวจสอบข้อมูลและการตรวจสอบคุณภาพของข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลเข้ามาในแพลตฟอร์ม (ข้อมูลแบบบรรทัดรายการทั้งหมดที่เพิ่มลงในแพลตฟอร์มจะถูกจัดเก็บและโฮสต์ในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่ปลอดภัยของโรงพยาบาลเด็กบอสตัน ไม่ใช่ของ Google)
มองไปสู่อนาคต
ด้วยการสนับสนุนของ Google.org และ มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ ทำให้ Global.health กลายเป็นแหล่งรวมนักวิจัยระดับนานาชาติจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ดูแลจัดการฐานข้อมูลโควิด-19 แบบบรรทัดรายการที่ครอบคลุมมากที่สุดในโลก ซึ่งประกอบด้วยบันทึกที่ไม่มีการระบุตัวตนนับล้านรายการจากแหล่งที่เชื่อถือได้ซึ่งครอบคลุมกว่า 100 ประเทศ รวมถึงไทย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย กัมพูชา และเวียดนาม
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป Global.health จะช่วยให้นักวิจัยทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีและด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง แพลตฟอร์ม Global.health มีความยืดหยุ่น โดยสามารถปรับให้เข้ากับข้อมูลโรคติดเชื้อและบริบทในพื้นที่เมื่อเกิดการระบาดใหม่ ๆ ได้ Global.health วางรากฐานสำหรับนักวิจัยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการเข้าถึงข้อมูลจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก เซาเปาโล มิวนิก เกียวโต หรือไนโรบี
Stephen Ratcliffe, Google.org Fellow and the Global.health team
How anonymized data is helping fight against disease

Data has always been a vital tool in understanding and fighting disease — from Florence Nightingale’s 1800s hand drawn illustrations that showed how poor sanitation contributed to preventable diseases to the first open source repository of data developed in response to the 2014 Ebola crisis in West Africa. When the first cases of COVID-19 were reported in Wuhan, data again became one of the most critical tools to combat the pandemic.

A group of researchers, who documented the initial outbreak, quickly joined forces and started collecting data that could help epidemiologists around the world model the trajectory of the novel coronavirus outbreak. The researchers came from University of Oxford, Tsinghua University, Northeastern University and Boston Children’s Hospital, among others.

However, their initial workflow was not designed for the exponential rise in cases. The researchers turned to Google.org for help. As part of Google’s $100 million contribution to COVID relief, Google.org granted $1.25 million in funding and provided a team of 10 full-time Google.org Fellows and 7 part-time Google volunteers to assist with the project.

Google volunteers worked with the researchers to create Global.health, a scalable and open-access platform that pulls together millions of anonymized COVID-19 cases from over 100 countries including Thailand. This platform helps epidemiologists around the world model the trajectory of COVID-19, and track its variants and future infectious diseases.

The need for trusted and anonymized case data

When an outbreak occurs, timely access to organized, trustworthy and anonymized data is critical for public health leaders to inform early policy decisions, medical interventions, and allocations of resources — all of which can slow disease spread and save lives. The insights derived from “line-list” data (e.g. anonymized case level information), as opposed to aggregated data such as case counts, are essential for epidemiologists to perform more detailed statistical analyses and model the effectiveness of interventions.

Volunteers at the University of Oxford started manually curating this data, but it was spread over hundreds of websites, in dozens of formats, in multiple languages. The HealthMap team at Boston Children’s Hospital also identified early reports of COVID-19 through automated indexing of news sites and official sources. These two teams joined forces, shared the data, and published peer-reviewed findings to create a trusted resource for the global community.

Upholding data privacy is key to the platform’s design. The anonymized data used at Global.health comes from open-access authoritative public health sources, and a panel of data experts rigorously checks it to make sure it meets strict anonymity requirements.

Enter the Google.org Fellowship

To help the global community of researchers in this meaningful endeavour, Google.org decided to offer the support of 10 Google.org Fellows who spent 6 months working full-time on Global.health, in addition to $1.25M in grant funding. Working hand in hand with the University of Oxford and Boston Children’s Hospital, the Google.org team spoke to researchers and public health officials working on the frontline to understand real-life challenges they faced when finding and using high-quality trusted data — a tedious and manual process that often takes hours.

The Google.org Fellows assisted the Global.health team to design the data ingestion flow to implement best practices for data verification and quality checks to make sure that no personal data made its way into the platform. (All line-list data added to the platform is stored and hosted in Boston Children’s Hospital’s secure data infrastructure, not Google’s.)

Looking to the Future

With the support of Google.org and The Rockefeller Foundation, Global.health has grown into an international consortium of researchers at leading universities curating the most comprehensive line-list COVID-19 database in the world. It includes millions of anonymized records from trusted sources spanning over 100 countries including Thailand, Singapore, Australia, Cambodia, Vietnam, to name a few.

Today, Global.health helps researchers across the globe access data in a matter of minutes and a series of clicks. The flexibility of the Global.health platform means that it can be adapted to any infectious disease data and local context as new outbreaks occur. Global.health lays a foundation for researchers and public health officials to access this data no matter their location, be it New York, São Paulo, Munich, Kyoto or Nairobi.

Stephen Ratcliffe, Google.org Fellow and the Global.health team

ที่อยู่ติดต่อของสื่อ

ส่งอีเมลถึงทีมข่าวของเราที่:
teaminspire@inspirecomms.com.

หากคุณไม่ได้เป็นสมาชิกของทีมข่าว คุณจะไม่ได้รับการตอบกลับ

สำหรับการสอบถามข้อมูลอื่นๆ โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือ

Thailand Blog

ตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ปกครองของเด็กที่ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่นบน YouTube

ข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนช่วยต่อสู้กับโรคได้อย่างไร

ป้ายกำกับ

บทความที่ผ่านมา

Feed

ที่อยู่ติดต่อของสื่อ