AI รุ่นใหม่ที่ใส่ใจมากขึ้น
ใน 22 ปีที่ผ่านมาเราได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากความก้าวหน้าในหลายๆ ด้านที่ท้าทายของ AI ไม่ว่าจะการแปลภาษา รูปภาพ และเสียง ความก้าวหน้าเหล่านี้ผลักดันการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Google ไปอีกขั้น เราสามารถคุยกับคนที่พูดคนละภาษาด้วยโหมดล่ามของ Google Assistant ย้อนดูความทรงจำที่น่าประทับใจใน Google Photos หรือใช้ Google Lens แก้โจทย์คณิตศาสตร์ยากๆ
นอกจากนี้เรายังใช้ AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์หลักของ Search ให้กับผู้คนหลายพันล้านคนโดยเพิ่มขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์ให้ประมวลผลภาษาธรรมชาติได้แบบก้าวกระโดด แต่ก็ยังมีบางครั้งที่คอมพิวเตอร์ไม่เข้าใจเรา นั่นเป็นเพราะภาษามีความซับซ้อนไม่มีที่สิ้นสุด เราใช้ภาษาเล่าเรื่อง เล่นมุก และแชร์ไอเดียต่างๆ เรียบเรียงความคิดที่เราได้เรียนรู้มาตลอดชีวิต คุณค่าและความยืดหยุ่นของภาษาคือหนึ่งในเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และหนึ่งในเรื่องที่ท้าทายที่สุดสำหรับวิทยาการคอมพิวเตอร์
วันนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้แบ่งปันงานวิจัยล่าสุดของเราเกี่ยวกับการทำความเข้าใจภาษาธรรมชาติที่เรียกว่า LaMDA ซึ่งเป็นโมเดลภาษาสำหรับแอปพลิเคชันการสนทนา และเป็นโดเมนแบบเปิด ซึ่งหมายความว่าได้รับการออกแบบมาให้สนทนาในทุกหัวข้อ เช่น LaMDA เข้าใจเกี่ยวกับดาวพลูโตพอสมควร เพราะฉะนั้นหากนักเรียนอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอวกาศ ก็สามารถถามเกี่ยวกับดาวพลูโต และโมเดลจะให้คำตอบที่เหมาะสมได้ ทำให้การเรียนรู้สนุกขึ้นและน่าสนใจขึ้น หากนักเรียนอยากเปลี่ยนหัวข้อ อาจจะเป็นวิธีพับเครื่องบินกระดาษที่บินได้ไกลๆ LaMDA ก็สามารถดำเนินบทสนทนาต่อได้โดยไม่ต้องฝึกกันใหม่
นี่คือหนึ่งในวิธีที่เราเชื่อว่า LaMDA จะช่วยให้ข้อมูลและการประมวลผลเข้าถึงได้และใช้งานได้ง่ายขึ้น (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่)
เราได้ค้นคว้าและพัฒนาโมเดลภาษากันมาหลายปี โดยมุ่งเน้นให้ LaMDA เป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงของเราในด้านความยุติธรรม ความแม่นยำ ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ทั้งหมดนี้ได้รับการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอด้วยหลักการด้าน AI ของเรา นอกจากนี้เรายังหาวิธีที่จะนำฟีเจอร์การสนทนามาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่าง Google Assistant, Search และ Workspace พร้อมกับสำรวจดูว่าจะมอบความสามารถต่างๆ ให้กับนักพัฒนาและลูกค้าระดับองค์กรได้อย่างไร
LaMDA คือก้าวสำคัญด้านภาษาธรรมชาติ แต่ยังคงได้รับการฝึกด้วยข้อความเท่านั้น ในขณะที่ผู้คนสื่อสารกันผ่านทั้งรูปภาพ ข้อความ เสียง และวิดีโอ เราจึงจำเป็นต้องสร้างโมเดลหลายรูปแบบ (MUM) เพื่อให้ผู้คนสามารถถามคำถามสำหรับข้อมูลประเภทต่างๆ ที่หลากหลาย ด้วย MUM นี้เอง เป็นไปได้ว่าวันหนึ่งคุณจะสามารถวางแผนการขับรถท่องเที่ยวโดยขอให้ Google “หาเส้นทางที่ผ่านวิวภูเขาสวยๆ” นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการโต้ตอบกับ Search อย่างเป็นธรรมชาติและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเรากำลังทำกันอยู่
อีกขั้นของความก้าวหน้าในการประมวลผล
การแปลภาษา การจดจำรูปภาพ และการจดจำเสียงคือพื้นฐานของโมเดลที่ซับซ้อนอย่าง LaMDA และ MUM โครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลของเราคือวิธีที่เราใช้ขับเคลื่อนและคงความก้าวหน้าต่างๆ เหล่านี้ โดยมี TPU และกระบวนการแมชชีนเลิร์นนิงที่ออกแบบมาพิเศษเป็นหัวใจหลัก ในวันนี้ เราประกาศเปิดตัว TPU รุ่นถัดไป นั่นคือ TPU v4 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ชิป v4 ที่เร็วกว่าชิปรุ่นก่อนมากกว่าสองเท่า และมีพ็อดที่สร้างได้มากกว่า 1 Exaflop ซึ่งเทียบได้กับกำลังคอมพิวเตอร์ของแล็ปท็อป 10 ล้านเครื่องรวมกัน นี่คือระบบที่ประมวลผลได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เราเคยพัฒนามาและถือเป็นก้าวใหม่แห่งความสำเร็จของเรา ก่อนหน้าที่ เราจำเป็นต้องสร้างซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แบบพิเศษขึ้นมาเพื่อให้ได้ 1 Exaflop แต่ตอนนี้ เรากำลังจะมีพ็อด TPU v4 ในศูนย์ข้อมูลของเรา โดยหลายพ็อดในนี้จะใช้พลังงานที่ปลอดคาร์บอน 90% หรือใกล้เคียง เราจะเปิดตัวให้ลูกค้า Cloud ได้ใช้ต่อไปในปีนี้
|
ซ้าย: แผงชิป TPU v4 ขวา: พ็อด TPU v4 ที่ศูนย์ข้อมูลโอคลาโฮมา |
น่าตื่นเต้นและยินดีมากกับนวัตกรรมที่ล้ำหน้าระดับนี้ และเมื่อมองไปในอนาคต เรายังเห็นโจทย์บางประเภทที่เทคโนโลยีการประมวลผลแบบดั้งเดิมยังไม่สามารถแก้ได้ภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล แต่การประมวลผลแบบควอนตัมทำได้ ความบรรลุหลักชัยด้านควอนตัมคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรกๆ ในเส้นทางที่ต้องเดินต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า เราจะเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อเข้าสู่หลักชัยต่อไปของการประมวลผลควอนตัม นั่นคือการสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่เน้นแก้ไขข้อผิดพลาดซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี สร้างพลังงานที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นและพัฒนาการคิดค้นเวชภัณฑ์ และด้วยเป้าหมายนี้ เราจึงได้เปิดแคมปัสควอนตัม AI แห่งใหม่ พร้อมกับศูนย์ข้อมูลควอนตัมและคลังประดิษฐ์ชิปประมวลผลควอนตัมแห่งแรกขึ้นมา
|
ภายในแคมปัสควอนตัม AI แห่งใหม่ |
ปลอดภัยยิ่งขึ้นกับ Google
ที่ Google เรารู้ดีว่าผลิตภัณฑ์ของเราต้องทั้งมีประโยชน์และความปลอดภัย ความก้าวหน้าทางวิทยาการคอมพิวเตอร์และ AI คือสิ่งที่ช่วยเราพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เราคือผู้ที่ช่วยให้ผู้ใช้ปลอดภัยมากกว่าใครในโลกด้วยการบล็อกมัลแวร์ การพยายามฟิชชิง ข้อความสแปม และสิ่งที่อาจเป็นการโจมทีทางไซเบอร์
ด้วยความที่เรามุ่งเน้นเรื่องขอบเขตการใช้ข้อมูล เราจึงต้องทำให้ได้มากด้วยข้อมูลที่น้อย ในงาน I/O ของเราเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมได้แนะนำการลบอัตโนมัติ ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ใช้ตั้งค่าให้ระบบลบข้อมูลกิจกรรมของตนโดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นั้นเราก็ตั้งค่าให้การลบอัตโนมัติ (Auto-Delete)เป็นค่าเริ่มต้นของทุกบัญชีใหม่ของ Google ปัจจุบันเราจะลบข้อมูลกิจกรรมของคุณโดยอัตโนมัติทุก 18 เดือน นอกจากว่าคุณจะตั้งค่าให้ลบเร็วกว่านั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีการนำไปใช้กับบัญชีกว่า 2 พันล้านบัญชี
ทุกผลิตภัณฑ์ของเราเป็นไปตามหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ของเรามีความปลอดภัยโดยค่าเริ่มต้นด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เราสนับสนุนวิธีจัดการข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์ที่เราสร้างได้รับการออกแบบมาเพื่อความเป็นส่วนตัว และเราสร้างการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ใช้งานง่ายเพื่อให้คุณควบคุมทุกอย่างได้
การค้นคว้าระยะยาวกับ Project Starline
ต้องขอบคุณการประชุมทางวิดีโอตลอดปีที่แล้วที่ทำให้เราได้ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนๆ และยังเรียนหนังสือหรือทำงานกันต่อไปได้ แต่ก็ไม่มีอะไรจะแทนที่การได้อยู่ด้วยกันในห้องจริงๆ
หลายปีที่แล้วเราเปิดตัวโครงการหนึ่งที่ชื่อว่า Project Starline เพื่อใช้เทคโนโลยีสำรวจความเป็นไปได้ต่างๆ กล้องความละเอียดสูงและเซ็นเซอร์จับความลึกที่ทำขึ้นเฉพาะตามความต้องการช่วยให้จับรูปร่างและลักษณะภายนอกของคุณจากมุมมองต่างๆ จากนั้นจะนำมารวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติความละเอียดสูงแบบเรียลไทม์ ข้อมูลผลลัพธ์ที่ออกมามีหลายกิกะไบต์ต่อวินาที ดังนั้นเพื่อส่งภาพขนาดดังกล่าวในเครือข่ายที่มีอยู่ เราจึงพัฒนาการบีบอัดแบบใหม่และอัลกอริทึมการสตรีมที่ลดขนาดข้อมูลได้มากกว่า 100 เท่า นอกจากนี้เรายังพัฒนาจอภาพแบบ Light-Field ที่แสดงภาพคนนั่งอยู่ด้านหน้าคุณได้อย่างสมจริง ซึ่งด้วยเทคโนโลยีอันล้ำหน้า ภาพนั้นก็จะหายไปเพื่อให้คุณได้จดจ่อกับสิ่งที่สำคัญ
เราใช้เวลาทดสอบเป็นพันชั่วโมงที่บริษัทของเรา ซึ่งผลที่ออกมาค่อนข้างดี พาร์ทเนอร์องค์กรชั้นนำของเราก็ให้การตอบรับที่ดี โดยเรากำลังอยู่ในระหว่างการรวบรวมความคิดเห็นในขั้นแรกจากพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมสาธารณสุขและสื่อ เรามีความก้าวหน้าเชิงเทคนิคที่จะนำไปสู่การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้านการสื่อสารทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันทางไกลไปอีกขั้น โดยเราจะแจ้งให้ทราบต่อไป
|
คนกำลังพูดคุยกับอีกคนหนึ่งใน Project Starline |
แก้โจทย์ความยั่งยื่นที่ซับซ้อนและท้าทาย
งานค้นคว้าวิจัยอีกด้านที่เราทำคือความยั่งยืนซึ่งเป็นค่านิยมหลักของเรามากว่า 20 ปี เราเป็นบริษัทขนาดใหญ่รายแรกๆ ที่เป็นกลางทางคาร์บอน (carbon-neutral) ในปี 2007 และเป็นบริษัทแรกที่ชดเชยการปฏิบัติงานของเราด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ในปีที่ผ่านมา เราได้ชดเชยการปล่อยคาร์บอนได้อย่างสมบูรณ์
เป้าหมายถัดไปของเราคือการดำเนินกิจการแบบปลอดคาร์บอนภายในปี 2030 แม้ว่านี่จะยังไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเรา แต่ก็เป็นก้าวสำคัญที่พลิกโผมไปจากแนวทางการดำเนินงานในปัจจุบันและยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับภารกิจด้านเทคโนโลยีการประมวลผลควอนตัมที่เราทำ นี่คือโจทย์ที่ท้าทายในระดับที่เท่ากัน ตั้งแต่การจัดหาพลังงานที่ปลอดคาร์บอนในทุกๆ พื้นที่เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะดำเนินงานต่อไปได้ในทุกชั่วโมงและทุกวัน
หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์มการประมวลผลที่ใช้นวัตกรรมการใช้คาร์บอนอย่างชาญฉลาดเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ เรากำลังจะเป็นบริษัทแห่งแรกที่มีการจัดส่งโดยใช้คาร์บอนอย่างชาญฉลาดไปตามช่วงเวลาและพื้นที่ต่างๆ ภายในเครือข่ายศูนย์ข้อมูลของเรา ในช่วงนี้ของปีหน้า เราจะสามารถจัดส่งหน่วยประมวลผลที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตไปยังพื้นที่และตามช่วงเวลาต่างๆ ด้วยพลังงานที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ อีกทั้ง เรายังพยายามนำ Cloud AI ของเราไปใช้ในเทคนิคการขุดเจาะและไฟเบอร์ออปติกเซ็นซิ่งเพื่อส่งพลังงานความร้อนใต้ภิภพไปยังหลากหลายพื้นที่มากขึ้น โดยเริ่มจากศูนย์ข้อมูลเนวาดาในปีหน้านี้
การลงทุนประเภทนี้ต้องใช้พลังงานที่ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนตลอด 24 ชั่วโมง และกำลังเกิดขึ้นแล้วที่ Mountain View แคลิฟอร์เนีย เนื่องจากเรากำลังสร้างแคมปัสแห่งใหม่ด้วยมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับสูงสุด อาคารภายในแคมปัสแห่งนี้จะถูกครอบด้วยพื้นผิวโซลาขนาดยักษ์ โดยประกอบด้วยแผงโซลาเซลล์เงินจำนวน 90,000 แผงและมีกำลังการผลิตเกือบ 7 เมกาวัตต์ อาคารเหล่านี้จะมีระบบท่อความร้อนใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือเพื่อปรับอุณหภูมิให้อบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน เป็นที่น่ายินดีมากที่เราได้ทำสำเร็จแล้ว
ซ้าย: ภาพจำลองแคมปัสชาร์ลสตันอีสต์ใน Mountain View แคลิฟอร์เนีย; ขวา: ภาพโมเดลอาคารที่ปกคลุมด้วยแผงโซลาเซลล์ขนาดยักษ์
ฉลองความสำเร็จแก่วงการเทคโนโลยี