- การสนับสนุนความสามารถของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการเลือกวิธีเผยแพร่แอปของตนผ่าน App Store หลายแห่งบนแพลตฟอร์มต่างๆ (อุปกรณ์เคลื่อนที่ PC และคอนโซล) โดยใช้รูปแบบธุรกิจของตนเองเพื่อการแข่งขันกันในตลาดที่มีประสิทธิภาพ
- การชี้แจงนโยบายของเราเกี่ยวกับผู้ที่ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play และผู้ที่ไม่ต้องใช้การเรียกเก็บเงินดังกล่าว
- การทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกแอปที่อยู่บนแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งรวมถึงแอปของ Google และแอปจากบุคคลอื่น
- การอนุญาตให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง
- การสร้างนวัตกรรมและสร้างความมั่นใจว่านโยบายของเราจะรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น
เราต้องการแบ่งปันมุมมองของเราเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้
ทางเลือกเกี่ยวกับร้านค้าแอป
เราเชื่อว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ควรมีทางเลือกว่าจะเผยแพร่แอปของตนอย่างไร และร้านค้าแอปควรแข่งขันกันเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคและธุรกิจของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ การมีทางเลือกถือเป็นหลักการสำคัญของ Android มาโดยตลอด และด้วยเหตุนี้ผู้บริโภคจึงสามารถเลือกแอปที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นแอปคีย์บอร์ด แอปส่งข้อความ แอปเพื่อการโทร หรือแม้กระทั่ง App Store
Andriod อนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปจาก App Store หลายแห่งได้เสมอ โดยแท้จริงแล้ว อุปกรณ์ Android ส่วนใหญ่มักจะได้รับการติดตั้ง App Store อย่างน้อย 2 รายการไว้ในเครื่องอยู่แล้ว และผู้บริโภคสามารถเลือกติดตั้ง App Store เพิ่มเติมได้ โดยแต่ละร้านสามารถตัดสินใจเลือกรูปแบบธุรกิจและฟีเจอร์สำหรับผู้บริโภคเองได้ ซึ่งการเปิดกว้างนี้หมายความว่า แม้ว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ และ Google จะไม่เห็นพ้องกับข้อกำหนดทางธุรกิจ แต่ก็ยังสามารถเผยแพร่แอปบนแพลตฟอร์ม Android ได้ เช่น ในกรณีของ Fortnite ที่มีให้บริการโดยตรงจากสโตร์ของ Epic หรือจาก App Store อื่นๆ เช่น Galaxy Store ของ Samsung
ดังนั้น นักพัฒนาซอฟต์แวร์บางรายได้ให้ข้อเสนอแนะว่าควรมีการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ในการติดตั้ง App Store อื่นๆ บนอุปกรณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นการตอบรับข้อเสนอแนะดังกล่าว เราจะทำการเปลี่ยนแปลงใน Android 12 (Android ที่จะเปิดตัวในปีหน้า) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน App Store อื่นๆ บนอุปกรณ์ของพวกเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อมาตรการด้านความปลอดภัยของ Android เรากำลังดำเนินการในส่วนนี้อยู่ และหวังว่าจะได้แบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบในอนาคต
ความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการเรียกเก็บเงิน
ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น Android App Store แต่ละแห่งสามารตัดสินใจเลือกรูปแบบธุรกิจและฟีเจอร์สำหรับผู้บริโภคของตนเองได้ ผู้ใช้ Google Play คาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัย เสถียร และราบรื่น และนักพัฒนาซอฟต์แวร์เลือก Google Play เพราะมีเครื่องมือและบริการที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยสร้างและขยายธุรกิจของพวกเขาให้เติบโต นโยบายสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของเราถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราสามารถตอบสนองความคาดหวังเหล่านี้ และระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ก็เป็นหลักการที่สำคัญในอุดมการณ์ของเรา ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากวิธีการชำระเงินที่เชื่อถือได้ ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลกได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และมั่นคง Google ป้องกันข้อมูลการชำระเงินของผู้บริโภคด้วยการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้นโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ การเรียกเก็บเงินของ Google Play เป็นวิธีง่ายๆ สำหรับผู้ใช้ Android หลายพันล้านคนสำหรับการทำธุรกรรมโดยใช้วิธีการชำระเงินที่ต้องการในท้องถิ่นของตน
เรากำหนดให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เผยแพร่แอปบน Google Play ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play หากนักพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นขายสินค้าดิจิทัลในแอป และจ่ายค่าธรรมเนียมบริการจากเปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการขายแอป เพื่อความชัดเจน นโยบายนี้มีผลแค่กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีแอปบน Google Play จำนวนไม่ถึง 3% เท่านั้น เราจะเก็บค่าธรรมเนียมบริการก็ต่อเมื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ในการดาวน์โหลดแอปหรือการขายสินค้าดิจิทัลในแอปเท่านั้น ซึ่งเราคิดว่าเป็นธรรมแล้ว แนวทางนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มของเราได้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่รูปแบบทางธุรกิจนี้ยังช่วยสนับสนุนความสำเร็จของเราให้สอดคล้องกับความสำเร็จของนักพัฒนาซอฟต์แวร์อีกด้วย
อย่างไรก็ดี เราได้รับข้อเสนอแนะมาว่าถ้อยคำในนโยบายของเราควรมีความชัดเจนมากขึ้นในส่วนที่อธิบายว่าธุรกรรมประเภทใดที่จำเป็นต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play และยังได้รับข้อเสนอแนะด้วยว่าถ้อยคำที่ใช้อยู่ในตอนนี้ทำให้เกิดความสับสน เราต้องการให้แน่ใจว่านโยบายของเรามีความชัดเจนและเป็นปัจจุบันเพื่อให้สามารถนำไปใช้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทุกรายได้อย่างเสมอภาคและเป็นธรรม และด้วยเหตุนี้เราจึงได้ปรับถ้อยคำที่ใช้อธิบายนโยบายการชำระเงินให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยระบุว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ทุกรายที่ขายสินค้าดิจิทัลในแอปของตนจะต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นความตั้งใจตามนโยบายของเรามาอย่างยาวนานโดยตลอด และคำชี้แจงนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ที่มีแอปบน Google Play มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เผยแพร่แอปบน Google Play จำนวนไม่ถึง 3% เสนอขายสินค้าดิจิทัลในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และส่วนใหญ่ในจำนวนนี้ (เกือบ 97%) ใช้การเรียกเก็บเงินของ Google Play อยู่แล้ว แต่สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์รายอื่นที่มีแอปบน Google Play ที่ต้องดำเนินการทางเทคนิคเพื่อรวมระบบการเรียกเก็บเงิน เราไม่ต้องการให้แผนงานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้สะดุดลง โดยจะให้เวลา 1 ปี (จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564) เพื่อทำการอัปเดตต่างๆ ที่จำเป็น และแน่นอนว่าแอปของ Google ที่ยังไม่ได้ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ก็จะต้องทำการอัปเดตด้วยเช่นกัน
การปฏิบัติที่เท่าเทียม
นโยบายของเรามีผลใช้บังคับกับแอปทั้งหมดที่เผยแพร่บน Google Play ซึ่งรวมถึงแอปของ Google เองด้วย นอกจากนี้ เรายังใช้มาตรฐานเดียวกันในการตัดสินใจว่าจะโปรโมตแอปใดบน Google Play ไม่ว่าจะเป็นแอปจากบุคคลอื่น หรือแอปของ Google โดยแท้จริงแล้ว เรามีการโปรโมตแอปที่มอบประสบการณ์การใช้งานยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้อยู่เป็นประจำในหน้าโดนใจ บก. อัลกอริทึมของเราจะจัดอันดับแอปและเกมของบุคคลอื่นโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการจัดอันดับแอปของ Google
การสื่อสารกับลูกค้า
นักพัฒนาซอฟ์แวร์บอกเราว่า ความสามารถในการพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรงโดยไม่มีข้อจำกัดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในฐานะที่เราเองก็เป็นผู้พัฒนาแอปเช่นกัน เราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และนโยบายของเราอนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้เสมอ
ดังนั้น จากที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ถามกันเข้ามาว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นสามารถสื่อสารโดยตรงกับลูกค้าเกี่ยวกับราคา ข้อเสนอ และทางเลือกอื่นๆ ในการชำระเงิน ซึ่งนอกเหนือจากทางแอป โดยผ่านทางอีเมล หรือช่องทางอื่นๆ ได้หรือไม่ เพื่อความชัดเจน Google Play ไม่มีข้อจำกัดใดๆ เกี่ยวกับการสื่อสารนอกแอปของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น พวกเขาอาจมีข้อเสนอในAndroid App Store อื่น หรือผ่านทางเว็บไซต์ในราคาที่ถูกกว่าบน Google Play เป็นต้น
เราเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยเหตุนี้เราจึงอนุญาตให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถคืนเงินให้กับลูกค้าและให้การสนับสนุนด้านอื่นๆ แก่ลูกค้าได้โดยตรง
การสร้างนวัตกรรม
นักพัฒนาซอฟต์แวร์มักจะมีอะไรดีๆ มานำเสนออยู่ตลอดเวลา เราจึงพยายามนำข้อเสนอแนะจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไปปรับใช้กับแนวทางในการดำเนินงานของเราอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะช่วยเปิดทางให้เกิดนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการสตรีมเกมได้สร้างประสบการณ์การเล่นเกมใหม่ๆ ที่มีอยู่ใน Google Play ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวการเล่นเกมบนระบบคลาวด์ผ่าน Xbox ล่าสุด ของ Microsoft ในแอป Android ที่มีชื่อว่า Xbox Game Pass
ส่งข้อเสนอแนะเข้ามาได้เสมอ
เราขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับข้อเสนอแนะต่างๆ จากกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และเราเชื่อว่าระบบนิเวศทางธุรกิจของ Android (Android ecosystem) ไม่เคยน่าตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน
เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น Duolingo, Truecaller, Hyperconnect, Any.do, และ Viber ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นบน Android ทั้งยังเข้าถึงผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม บริการประเภทนี้สร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค และเรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้สร้างแพลตฟอร์มที่ให้การสนับสนุนแก่นักพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้
เราได้รวบรวมคำถามเพิ่มเติมที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์สอบถามเข้ามาบ่อยๆ ไว้ที่นี่
Sameer Samat
Vice President, Product Management
ท่านยังสงสัย ว่าจริง ๆ ฟัน88
ตอบลบแหล่งความมบันเทิง ครบวงจรจัดเต็ม
ตอบลบดูบอลสด บ้านผลบอล
ตอบลบดูหนังออนไลน์ ดูซีรีย์ฝรั่งออนไลน์ อนิเมะพากย์ไทย
ตอบลบบาคาร่า Win8s สมัครง่าย หาเงินง่าย เครดิตฟรี เว็บตรง ไม่มีกั๊ก
ตอบลบ