วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Google I/O 2025: จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง


หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาด้านล่างคือข้อความถอดเสียงคำกล่าวของ ซุนดาร์ พิชัย CEO ของ Google ที่งาน Google I/O 2025 โดยปรับให้รวมข้อมูลอื่นๆ ที่ประกาศภายในงานด้วย ซึ่งคุณสามารถดูประกาศทั้งหมดได้ในคอลเล็กชันนี้

โดยปกติแล้ว คุณอาจไม่ได้ยินอะไรจากเรามากนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนงาน Google I/O เพราะเราต้องเก็บโมเดลที่ดีที่สุดไว้สำหรับงานนี้เท่านั้น แต่สำหรับยุคสมัยของ Gemini เราอาจเปิดตัวโมเดลที่ชาญฉลาดที่สุดในวันอังคารของเดือนมีนาคม หรือประกาศความก้าวหน้าสุดล้ำอย่าง AlphaEvolve ก่อนวันงานเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ได้

เราต้องการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของเราให้ถึงมือคุณโดยเร็วที่สุด เราจึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เร็วขึ้นกว่าที่เคย


การพัฒนาโมเดล AI อย่างไม่หยุดยั้ง

ผมตื่นเต้นเป็นพิเศษกับโมเดลที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว คะแนน ELO ซึ่งเป็นตัววัดความคืบหน้า เพิ่มขึ้นกว่า 300 คะแนนนับตั้งแต่ที่เราเปิดตัวโมเดล Gemini Pro รุ่นแรก ปัจจุบัน Gemini 2.5 Pro ครองอันดับ 1 ในลีดเดอร์บอร์ดของ LMArena ทุกหมวดหมู่

การที่เรามีโครงสร้างพื้นฐานระดับแนวหน้าของโลกช่วยให้โมเดล AI ของเราก้าวหน้าอย่างมาก Ironwood ซึ่งเป็นชิป TPU (Tensor Processing Unit) รุ่นที่ 7 ของเรา เป็น TPU แรกที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการคิดและการอนุมานของ AI ได้ในวงกว้าง โดยประสิทธิภาพของชิป Ironwood สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า และมาพร้อมการประมวลผลที่สูงถึง 42.5 Exaflop ต่อพอด เรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆ

ความแข็งแกร่งทางโครงสร้างพื้นฐานของเรา รวมไปถึงชิป TPU ช่วยให้เราสามารถพัฒนาโมเดล AI ที่มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นได้อย่างมาก แม้ว่าราคาของโมเดล AI จะลดลงอย่างมากก็ตาม เราสามารถนำเสนอโมเดลที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสมได้ตลอดมา Google ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำใน Pareto Frontier เท่านั้น แต่เรายังเป็นผู้เปลี่ยนกฎเกณฑ์พื้นฐานของ Frontier เองด้วย


ผู้คนทั่วโลกกำลังนำ AI มาใช้

ปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และผู้คนทั่วโลกก็ตอบสนองด้วยการนำ AI มาใช้เร็วกว่าที่เคย นี่คือตัวอย่างของความก้าวหน้าที่สำคัญๆ

  • ในช่วงเวลานี้ของปีที่ผ่านมา เราประมวลผลข้อมูลได้ 9.7 ล้านล้านโทเค็นต่อเดือนในผลิตภัณฑ์และ API ทั้งหมดของเรา ปัจจุบัน เราประมวลผลข้อมูลได้มากกว่า 480 ล้านล้านโทเค็น ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 50 เท่า
  • ปัจจุบันมีนักพัฒนาซอฟต์แวร์กว่า 7 ล้านคนที่สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ด้วย Gemini ซึ่งเพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และการใช้งาน Gemini ใน Vertex AI ก็เพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า
  • ปัจจุบัน แอป Gemini มีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน เราเห็นการมีส่วนร่วมและการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดลในซีรีส์ 2.5 อย่างเช่นการใช้งานโมเดล 2.5 Pro ในแอป Gemini ที่เพิ่มขึ้นถึง 45%
จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง

ความก้าวหน้าทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคใหม่ของ AI ซึ่งเป็นยุคที่งานวิจัยที่ใช้เวลาหลายสิบปีกำลังกลายเป็นจริงสำหรับผู้คน ธุรกิจ และชุมชนทั่วโลก

Project Starline → Google Beam + การแปลเสียงพูด

เมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่งาน Google I/O เราได้เปิดตัว Project Starline ซึ่งเป็นเทคโนโลยีวิดีโอ 3 มิติที่ล้ำสมัย เป้าหมายคือการสร้างความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในห้องเดียวกันกับใครบางคน แม้ว่าจะอยู่คนละที่กันก็ตาม

นับตั้งแต่นั้นมา เราก็ได้พัฒนาด้านเทคนิคอย่างต่อเนื่อง วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่ก้าวใหม่ด้วยการเปิดตัว Google Beam ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารทางวิดีโอที่ใช้ระบบ AI เป็นหลัก Google Beam ใช้โมเดลวิดีโอตัวใหม่ที่ล้ำสมัยเพื่อเปลี่ยนสตรีมวิดีโอ 2 มิติให้เป็นประสบการณ์ 3 มิติที่สมจริงโดยใช้กล้อง 6 ตัวและ AI เพื่อผสานสตรีมวิดีโอเข้าด้วยกันและแสดงผลใน Light Field Display (LFD) แบบ 3 มิติ นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามการเคลื่อนไหวศีรษะที่แม่นยำมาก โดยสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ละเอียดถึงในระดับมิลลิเมตร และทำงานได้ 60 เฟรมต่อวินาที ซึ่ง Google Beam สามารถทำทั้งหมดนี้ได้ในแบบเรียลไทม์ ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์การสนทนาที่สมจริงและไหลลื่นยิ่งขึ้น โดยเราจะร่วมมือกับ HP เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มแรกสามารถใช้งานอุปกรณ์ Google Beam ได้ภายในปีนี้


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรายังได้สร้างประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้นใน Google Meet อีกด้วย ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้คนข้ามพ้นอุปสรรคทางภาษาด้วยฟีเจอร์การแปลเสียงพูดที่จะเปิดตัวใน Google Meet เทคโนโลยีนี้สามารถจับคู่เสียงและโทนเสียงของผู้พูด รวมถึงการแสดงออกทางสีหน้าของผู้พูดได้แบบเกือบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้การสนทนาที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติในหลากหลายภาษาใกล้ความจริงมากขึ้น การแปลภาษาสำหรับภาษาอังกฤษและสเปนจะเปิดให้ใช้งานแก่สมาชิก Google AI Pro และ Ultra ในเวอร์ชันเบต้าก่อน โดยจะมีภาษาอื่นๆ ตามมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนลูกค้าธุรกิจของ Google Workspace จะได้รับสิทธิ์ในการทดสอบเบื้องต้นในปีนี้


Project Astra → Gemini Live

อีกหนึ่งโปรเจ็กต์วิจัยที่น่าตื่นเต้นซึ่งเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Google I/O คือ Project Astra ที่สำรวจความสามารถใหม่ๆ ของผู้ช่วย AI สากลที่เข้าใจสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวคุณ ตอนนี้เราได้ผสานรวมความสามารถในการแชร์กล้องและหน้าจอของ Project Astra ไว้ใน Gemini Live แล้ว และผู้คนก็ใช้ฟีเจอร์นี้ได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่การเตรียมตัวสัมภาษณ์ไปจนถึงการฝึกซ้อมวิ่งมาราธอน ฟีเจอร์นี้มีให้บริการสำหรับผู้ใช้ Android ทุกคนอยู่แล้ว และจะเปิดให้ผู้ใช้ iOS ได้ใช้งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ เรายังนำความสามารถเหล่านี้มาใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Google Search ด้วย

Project Mariner → Agent Mode

เรามองว่า AI Agent เป็นระบบที่รวมความชาญฉลาดของโมเดล AI ขั้นสูงเข้ากับการเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถทำสิ่งต่างๆ แทนคุณและอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ

Project Mariner ซึ่งเป็นต้นแบบการวิจัยในขั้นต้นของเรา เป็นก้าวแรกในการสร้างสรรค์ AI Agent ที่มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อโต้ตอบกับเว็บและทำสิ่งต่างๆ แทนคุณ เราได้เปิดตัว Project Mariner ในเวอร์ชันต้นแบบการวิจัยในขั้นต้นในเดือนธันวาคม และตั้งแต่นั้นมาเราก็ได้พัฒนา Project Mariner ให้มีความก้าวหน้ามากขึ้นด้วยความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน รวมถึงวิธีการที่เรียกว่า “สอนแล้วให้ทำตาม” ซึ่งคุณจะแสดงการทำงานงานหนึ่งให้ AI ดูเพียงครั้งเดียว แล้วปล่อยให้ระบบเรียนรู้ขั้นตอนสำหรับการทำงานที่คล้ายกันในอนาคต เราจะนำความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ของ Project Mariner มาให้บริการแก่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน Gemini API ผู้ทดสอบที่เชื่อถือได้อย่างเช่น Automation Anywhere และ UiPath ก็ได้เริ่มทดลองใช้แล้ว และจะพร้อมใช้งานในวงกว้างมากขึ้นในอีกไม่นานนี้

การใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือที่เราจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาเพื่อให้ระบบนิเวศของ AI Agent เติบโต

ตัวอย่างเช่น Agent2Agent Protocol ซึ่งเป็นโปรโตคอลแบบเปิดของเราที่ช่วยให้ AI Agent สามารถพูดคุยกันได้ หรือ Model Context Protocol ของ Anthropic ที่ช่วยให้ AI Agent เข้าถึงบริการอื่นๆ ได้ และในวันนี้ เรายินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า Gemini API และ SDK ของเราสามารถใช้กับเครื่องมือ MCP ได้แล้ว

นอกจากนี้ เรายังจะเริ่มนำความสามารถของ AI Agent มาใช้ใน Google Chrome, Google Search และในแอป Gemini ด้วย ตัวอย่างเช่น Agent Mode ซึ่งเป็นโหมดใหม่ในแอป Gemini จะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ถ้าคุณกำลังมองหาอพาร์ทเม้นท์ Agent Mode ก็จะช่วยค้นหาประกาศที่ตรงกับความต้องการของคุณในเว็บไซต์อย่าง Zillow พร้อมทั้งปรับตัวกรองและใช้ MCP เพื่อเข้าถึงประกาศ รวมถึงนัดหมายเข้าชมสถานที่จริงให้คุณได้ด้วย ผู้สมัครใช้บริการจะสามารถทดลองใช้ Agent Mode เวอร์ชันทดลองในแอป Gemini ได้ในเร็วๆ นี้ เครื่องมือนี้มีประโยชน์ต่อบริษัทอย่าง Zillow มาก เพราะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มอัตรา Conversion ได้

นี่เป็นด้านใหม่ของ AI ที่กำลังเติบโต และเราตื่นเต้นที่จะได้ค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการนำประโยชน์ของ AI Agent มามอบให้แก่ผู้ใช้และระบบนิเวศในวงกว้างยิ่งขึ้น


พลังแห่งการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ

วิธีที่ดีที่สุดในการนำงานวิจัยมาปรับใช้กับโลกแห่งความเป็นจริงก็คือการทำให้สิ่งนั้นมีประโยชน์จริงๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนั่นจะทำให้การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ (Personalization) เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เรากำลังทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงด้วยคุณสมบัติที่เราเรียกว่าบริบทส่วนบุคคล (Personal Context) ทั้งนี้ โมเดล Gemini จะสามารถใช้บริบทส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องในแอปต่างๆ ของ Google ที่คุณใช้อยู่ได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากคุณ โดยที่ยังคงความเป็นส่วนตัว มีความโปร่งใส และอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณทั้งหมด

ตัวอย่างของความสามารถนี้คือฟีเจอร์ช่วยตอบ (Smart Reply) ใน Gmail ที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณแบบใหม่ หากเพื่อนส่งอีเมลมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวที่คุณเคยไป Gemini ก็สามารถค้นหาอีเมลและไฟล์เก่าๆ ของคุณใน Google Drive ให้ได้ เช่น แผนการเดินทางที่คุณสร้างใน Google Docs เพื่อแนะนำคำตอบพร้อมรายละเอียดที่เจาะจงและตรงประเด็น รวมถึงใช้คำทักทายที่คุณใช้เป็นประจำ ตลอดจนโทนเสียง สไตล์ และคำศัพท์ที่คุณชอบใช้ เพื่อสร้างคำตอบที่มีความเกี่ยวข้องมากขึ้นและฟังดูเป็นธรรมชาติในแบบฉบับของคุณเอง ฟีเจอร์ช่วยตอบอีเมลที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณจะพร้อมให้สมาชิกใช้งานภายในปีนี้ ซึ่งคุณคงจะเห็นภาพว่าบริบทส่วนบุคคลนั้นมีประโยชน์เพียงใดใน Google Search, Gemini และผลิตภัณฑ์อื่นๆ


โหมด AI ใน Google Search

โมเดล Gemini ของเราช่วยให้ Google Search ฉลาดขึ้น สามารถทำสิ่งต่างๆ แทนผู้ใช้ และปรับเปลี่ยนผลการค้นหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนได้มากขึ้น

นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลภาพรวมโดย AI (AI Overview) ได้ขยายการใช้งานให้ครอบคลุมผู้ใช้กว่า 1.5 พันล้านราย และขณะนี้มีให้บริการใน 200 ประเทศและเขตแดน เราพบว่าผู้ที่ใช้ AI Overview พึงพอใจกับผลการค้นหามากขึ้นและค้นหาบ่อยขึ้น ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเราอย่างสหรัฐอเมริกาและอินเดีย พบว่าประเภทของคำค้นหาที่แสดง AI Overview เพิ่มขึ้นถึง 10% และยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นับเป็นการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งของ Google Search ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การใช้งาน AI ใน Google Search แบบครบวงจร เราได้เปิดตัวโหมด AI (AI Mode) รูปแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการค้นหาด้วย Google Search อย่างสิ้นเชิง ความสามารถในการให้เหตุผลขั้นสูงของโหมด AI ทำให้คุณสามารถถามคำถามที่ซับซ้อนและยาวขึ้นได้ โดยผู้ทดสอบกลุ่มแรกได้ถามคำถามที่ยาวกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิมถึง 2-3 เท่า และคุณยังสามารถถามคำถามติดตามผลเพิ่มเติมได้ โดยทั้งหมดนี้พร้อมใช้งานในแท็บใหม่ใน Google Search

ผมใช้ฟีเจอร์นี้บ่อยมากและฟีเจอร์นี้ได้เปลี่ยนวิธีที่ผมใช้ Google Search ไปอย่างสิ้นเชิง และผมยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าโหมด AI จะเปิดให้ทุกคนในสหรัฐอเมริกาใช้งานแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โมเดล Gemini ล่าสุดของเราช่วยให้ AI ตอบคำถามได้อย่างมีคุณภาพและแม่นยำอย่างที่ผู้ใช้คาดหวังจาก Google Search ทั้งยังตอบคำถามได้เร็วที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ด้วย และตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป Gemini 2.5 จะพร้อมใช้งานแล้วใน Google Search ในสหรัฐอเมริกา

ยกระดับ Gemini 2.5 โมเดลที่ชาญฉลาดที่สุดของเราขึ้นไปอีกขั้น

โมเดลหลักที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของเราอย่าง Gemini 2.5 Flash ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ชื่นชอบความเร็วและต้นทุนที่ต่ำ Gemini 2.5 Flash เวอร์ชันใหม่จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในเกือบทุกด้าน โดยได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นในเกณฑ์มาตรฐานสำคัญสำหรับการให้เหตุผล ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบ (Multimodality) ความสามารถในการเขียนโค้ดและหน้าต่างบริบทที่ยาวขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นแท่นอันดับ 2 บนลีดเดอร์บอร์ดของ LMArena ซึ่งเป็นรองจาก Gemini 2.5 Pro เท่านั้น

เรากำลังทำให้ Gemini 2.5 Pro ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยการเปิดตัวโหมดการให้เหตุผลเวอร์ชันที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งเรียกว่า Deep Think โดยใช้ผลการวิจัยล่าสุดที่ล้ำสมัยของเราในด้านการคิดและการให้เหตุผล รวมถึงเทคนิคการคิดไปพร้อมๆ กัน (Parallel Thinking)

แอป Gemini ที่ทรงพลังและตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของคุณมากขึ้น

เรากำลังทำให้ Deep Research ให้ข้อมูลที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากขึ้น โดยให้คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ของคุณเอง และในเร็วๆ นี้จะสามารถเชื่อมต่อกับ Google Drive และ Gmail ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างรายงานการวิจัยแบบกำหนดเอง และเรากำลังผสานรวม Deep Research เข้ากับ Canvas เพื่อให้คุณสร้างอินโฟกราฟิกแบบไดนามิก แบบทดสอบ หรือแม้แต่พอดแคสต์ในหลายภาษาได้ในคลิกเดียว นอกจากนี้ เรายังเห็นการตอบรับที่ดีในการเขียนโค้ดแบบ Vibe Coding ร่วมกับ Canvas ซึ่งช่วยให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสร้างแอปที่ใช้งานได้จริงได้ง่ายๆ โดยการแชทกับ Gemini

ในส่วนของ Gemini Live ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ชื่นชอบ เราจะเปิดให้ทุกคน รวมถึงผู้ใช้ iOS ใช้งานฟีเจอร์การแชร์กล้องและหน้าจอได้อย่างอิสระ และในเร็วๆ นี้ คุณยังสามารถเชื่อมต่อกับแอป Google ที่ชื่นชอบได้เพื่อรับความช่วยเหลือได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

ความก้าวหน้าในโมเดล Generative AI สำหรับการสร้างสรรค์สื่อของเรา

ขอแนะนำ Veo 3 ซึ่งเป็นโมเดลวิดีโอที่ล้ำสมัยล่าสุดของเราที่ตอนนี้สามารถสร้างเสียงแบบเนทีฟได้แล้ว นอกจากนี้ เรายังเปิดตัว Imagen 4 ซึ่งเป็นโมเดลการสร้างรูปภาพเวอร์ชันล่าสุดที่มากความสามารถที่สุดของเรา โดยทั้ง Veo 3 และ Imagen 4 มีให้บริการในแอป Gemini ซึ่งจะเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ของความคิดสร้างสรรค์

ยิ่งไปกว่านั้น เรากำลังจะนำความสามารถเหล่านั้นมาให้ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ใช้งานด้วยเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า Flow ที่ให้คุณสร้างคลิปสไตล์ภาพยนตร์และขยายคลิปสั้นๆ ให้กลายเป็นฉากที่ยาวขึ้นได้


โอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

AI สร้างโอกาสต่างๆ มากมาย และผู้ที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางของ AI ก็คือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเทคโนโลยี และนักแก้ปัญหาต่างๆ ที่จะต้องทำให้ประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราเป็นอย่างมากก็คืองานวิจัยที่เรากำลังทำอยู่ในปัจจุบันที่จะกลายเป็นรากฐานของชีวิตจริงในอนาคต ตั้งแต่การพัฒนาหุ่นยนต์ไปจนถึงเทคโนโลยีควอนตัม, AlphaFold และ Waymo

ผมไม่เคยมองข้ามโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนเลย และประสบการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ผมเข้าใจถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นผมอยู่ที่ซานฟรานซิสโกกับพ่อแม่ของผม สิ่งแรกที่พวกท่านอยากทำคือนั่งรถ Waymo ซึ่งผมรู้มาว่ากำลังกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ผมเคยนั่งรถ Waymo มาก่อน แต่คุณพ่อของผมที่อายุ 80 กว่าปีกลับรู้สึกทึ่งกับเทคโนโลยีนี้มาก ซึ่งทำให้ผมได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี้ในมุมมองใหม่

ประสบการณ์ในวันนั้นย้ำเตือนให้เห็นว่าเทคโนโลยีมีพลังอันน่าทึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความตื่นตาตื่นใจ และผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า และผมก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ใหม่ๆ ที่เราจะได้สร้างร่วมกันต่อไป

ซุนดาร์ พิชัย
CEO ของ Alphabet และ Google

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น