วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ทำความรู้จักกับ ดร. เดวิด ไฟน์เบิร์ก หัวหน้าฝ่าย Google Health

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgnIstSQn897tPWNu1omvYIKYGXo1N2_MlAYHnAbfvcTfR4cSqK-OCbwNNiSTuUcFBFnaNXjVFrImO0FXg3J7yO_4O8y3fxdHGiOOmpH_NTAnIwDChMFP6s60wsmQFLkJQOdM70FdhrI-I/s320/Hero+Image+Dr.+David.jpg

ตลอดระยะเวลาในการทำงานของ ดร. เดวิด ไฟน์เบิร์ก เขาให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน หลังจากการทำงานหลายปีในระบบบริการสุขภาพ ปัจจุบัน ดร. เดวิด ไฟน์เบิร์ก เป็นหัวหน้าฝ่าย Google Health ซึ่งรวบรวมกลุ่มทีมงานต่างๆ จากทั่วทั้ง Google และ Alphabet ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ และฮาร์ดแวร์ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ด้านการดูแลสุขภาพ เราได้สัมภาษณ์ ดร. เดวิด เกี่ยวกับชีวิตของเขาก่อนที่จะมาร่วมงานกับ Google สิ่งที่เขาเรียนรู้ในฐานะผู้บริหารคนใหม่ของ Google และแผนการดำเนินงานสำหรับ Google Health

ก่อนที่คุณจะเข้ามาร่วมงานกับ Google เส้นทางอาชีพของคุณเริ่มจากการเป็นจิตแพทย์เด็ก และไต่เต้าขึ้นเป็นผู้บริหารโรงพยาบาล อยากให้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของคุณ และที่มาที่ไปของการเข้ามาร่วมงานกับ Google Health

ผมมีแรงกระตุ้นจากความต้องการเร่งด่วนที่จะช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีขึ้น ผมเริ่มต้นการทำงานด้วยการเป็นจิตแพทย์เด็กที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (ยูซีแอลเอ หรือ UCLA) มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ในช่วงเวลาที่ผมทำงานที่นั่นผมได้สังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายและการปฏิบัติดเกี่ยวกับระบบบริการสุขภาพอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของใครบางคน ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ UCLA หน้าที่ความรับผิดชอบของผมได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการรักษาผู้ป่วยหลายสิบคน จนได้รับมอบหมายให้ดูแลระบบบริการสุขภาพของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีผู้ป่วยมากกว่าหนึ่งล้านคนในการดูแลของเรา จากนั้นผมได้ร่วมงานกับ Geisinger ที่ที่ผมมีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้ป่วยกว่า 3 ล้านคน

ผมจำได้ว่าแม่ของผมรู้สึกงุนงงมากที่ผมตัดสินใจก้าวออกจากอาชีพทางการแพทย์และไปทำงานด้านบริหารด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในบทบาทเหล่านี้ผลกระทบนั้นเกิดจากความคิดริเริ่มต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ของผู้ป่วย ทำให้ผู้คนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพมากขึ้น และ (ผมหวังว่า!) ทำให้ผู้คนมีเวลามากขึ้นในการทำสิ่งต่างๆ ที่พวกเขารัก

เมื่อทาง Google ติดต่อผมมา และเราเริ่มพูดคุยกัน ผมก็มองเห็นศักภาพในการช่วยเหลือผู้คนหลายพันล้านคนทันที โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเชื่อว่า Google เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพอยู่แล้ว ซึ่งมันอยู่ในดีเอ็นเอของบริษัทมาตั้งแต่แรก

ที่คุณพูดว่า Google เป็นบริษัทที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หมายความว่าอย่างไร

Google ได้สร้างความก้าวหน้าในการจัดระเบียบและทำให้ข้อมูลด้านสุขภาพมีประโยชน์มากขึ้นด้วยการทำงานอันยอดเยี่ยมของทีม Google Clould และ Google AI และเมื่อมองไปยังผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ของ Google คุณจะเห็นว่าเรากำลังจัดการกับประเด็นด้านสุขภาพของผู้คนอย่างไรบ้าง เช่น Google Search ช่วยให้ผู้คนได้รับคำตอบเกียวกับปัญหาด้านสุขภาพในชีวิตประจำวันของพวกเขา และ Google Maps ช่วยนำทางไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ช่วยจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ อาทิ การรู้หนังสือ การขับขี่ที่ปลอดภัย มลพิษทางอากาศ

เรามีรากฐานที่ดีอยู่แล้ว และผมรู้สึกตื่นเต้นกับศักยภาพที่เกิดจากจุดแข็งของ Google นั่นก็คือ ผู้คนที่ยอดเยี่ยมและผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งที่สามารถทำอะไรได้อีกมากมายเพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพ (และชีวิต) ของผู้คนในโลกนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Google ลงทุนด้านสุขภาพโดยตรง อยากให้พูดถึงการดำเนินงานที่ผ่านมาของ Google ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ

ความพยายามในช่วงแรกๆ ของ Google ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเท่าไหร่ เนื่องมาจากความท้าทายต่างๆ ที่วงการสุขภาพกำลังเผชิญอยู่ในขณะนั้น ในช่วงนั้นผมเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลและผมสามารถบอกคุณได้ว่าไม่มีใครพูดถึงการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพ (interoperability) ซึ่งเป็นคำที่ผู้ที่อยู่วงการสุขภาพคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในปัจจุบัน เราเพิ่งจะเริ่มคิดเกี่ยวกับภารกิจใหญ่ๆ ในการนำเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์มาใช้และนำข้อมูลสุขภาพไปไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบางโครงการจึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ในช่วงแรกๆ วันนี้เราได้เห็นถึงคุณค่าของโครงการเหล่านั้นต่อการดำเนินงานของเราในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น

วงการสุขภาพเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายเหล่านั้น Google และ Alphabet ได้ลงทุนในโครงการต่างๆ ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท และให้ความสำคัญกับผู้ใช้ ผู้ป่วย และผู้ให้บริการด้านสุขภาพเป็นอันดับแรก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการวิจัยเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของ Google และ DeepMind Health หรือ Project Baseline ที่เป็นโครงการด้านนวัตกรรมของ Verily ที่ผลักดันขอบเขตเกี่ยวกับสิ่งที่เราคิดและสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับสุขภาพของมนุษย์ และยังมีอะไรอีกมากมายที่เราสามารถทำได้และจะทำ

เมื่อพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI หลายๆ โครงการของ Google Health ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันก็ได้มีการนำเอา AI มาใช้เช่นกัน แผนการดำเนินงานขั้นต่อไปสำหรับการวิจัยส่วนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

มีข้อสงสัยเล็กน้อยว่า AI จะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับเครื่องมือใหม่ๆ ที่สามารถปรับปรุงด้านการดูแลสุขภาพในหลายๆ ประการ เช่น การส่งมอบ การเข้าถึง และอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อพิจารณาถึงอนาคตของการวิจัย ทีมงานของเราได้พิจารณาอย่างรอบคอบและไตร่ตรองอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการแบ่งปันสิ่งที่เราค้นพบในแวดวงการวิจัยและการแพทย์ พร้อมทั้งนำเอาข้อเสนอแนะมาปรับใช้ และทำให้แน่ใจว่างานวิจัยของเรามีประโยชน์ต่อผู้ป่วย แพทย์ และผู้ให้บริการด้านสุขภาพ

เรามุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ อาทิ เครื่องมือที่ช่วยนักพยาธิวิทยาในการวินิจฉัยมะเร็งเต้านม เครื่องมือที่ช่วยพยาบาลตรวจสอบประวัติผู้ป่วยเพื่อรับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการล่าสุดในระหว่างการเดินทาง แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้การดำเนินการที่ปลอดภัย และต้องมีการทำงานร่วมกับผู้ใช้ พร้อมทั้งรับฟังความเห็นจากพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีความเข้าใจและดำเนินการต่างๆ อย่างถูกต้อง

คุณทำงานที่ Google มาได้ครึ่งปีแล้ว สิ่งที่ทำให้คุณประหลาดใจมากที่สุดเกี่ยวกับ Google หรือทีมงานของคุณคืออะไร

ก่อนหน้านี้ผมต้องแต่งตัวมาดธุรกิจแบบเป็นทางการตลอด แต่ที่ Google ผมไม่จำเป็นต้องใส่สูทมาทำงาน มันเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก เมื่อผมย้ายมาทำงานที่ Google ผมเอาชุดสูทที่มีเกือบทั้งหมดไปบริจาค และเก็บไว้เพียงบางตัวสำหรับใส่ในโอกาสพิเศษ อย่างเช่น งานแต่งงาน เป็นต้น

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทีมงานที่ Google เต็มเปี่ยมไปด้วยความพยายามและความมุ่งมั่นในสิ่งที่พวกเขาทำ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกทึ่งในทุกวัน ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้

คติประจำใจในการดำเนินชีวิตของคุณคืออะไร

ผมรู้ว่ามันฟังดูเลี่ยนๆ ไปหน่อย แต่มีสามคำที่ผมพูดทุกเช้าเมื่อไปถึงที่จอดรถที่ทำงาน นั่นก็คือ การมีใจรักในการทำงาน (passion) ความอ่อนน้อมถ่อมตน (humility) และความซื่อสัตย์ (integrity) ทั้งสามคำนี้เป็นพื้นฐานหลักสำหรับผม รวมทั้งงานที่เราทำที่ Google Health

การมีใจรักในการทำงาน (passion) หมายถึง การทำงานอย่างถูกต้อง และรู้สึกว่าสุขภาพเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การต่อสู้ในทุกวัน ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน (humility) เพราะถ้าเราเร่งทำสิ่งต่างๆ หรือสร้างความยุ่งเหยิง มันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนความซื่อสัตย์ (integrity) หมายความว่าเราควรมาทำงานโดยมีจุดประสงค์ที่จะทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม

Meet David Feinberg, head of Google Health

Dr. David Feinberg has spent his entire career caring for people’s health and wellbeing. And after years in the healthcare system, he now leads Google Health, which brings together groups from across Google and Alphabet that are using AI, product expertise and hardware to take on big healthcare challenges. We sat down with David to hear more about his pre-Google life, what he’s learned as a “Noogler” (new Googler), and what’s next for Google Health.

You joined Google after a career path that led you from child psychiatrist to hospital executive. Tell us how this journey brought you to Google Health.

I’m driven by the urgency to help people live longer, healthier lives. I started as a child psychiatrist at UCLA helping young patients with serious mental health needs. Over the course of my 25 years at UCLA, I moved from treating dozens of patients, to overseeing the UCLA health system and the more than a million patients in our care. Then, at Geisinger, I had the opportunity to support a community of more than 3 million patients.

I recall my mom being very confused by my logic of stepping away from clinical duties and moving toward administrative duties as a way of helping more people. However, in these roles, the impact lies in initiatives that have boosted patient experience, improved people’s access to healthcare, and (I hope!) helped people get more time back to live their lives.

When I began speaking with Google, I immediately saw the potential to help billions of people, in part because I believe Google is already a health company. It’s been in the company’s DNA from the start.

You say Google is already a health company. How so?

We’re already making strides in organizing and making health data more useful thanks to work being done by Cloud and AI teams. And looking across the rest of Google’s portfolio of helpful products, we’re already addressing aspects of people’s health. Search helps people answer everyday health questions, Maps helps get people to the nearest hospital, and other tools and products are addressing issues tangential to health––for instance, literacy, safer driving, and air pollution.

We already have the foundation, and I’m excited by the potential to tap into Google’s strengths, its brilliant people, and its amazing products to do more for people’s health (and lives).

This isn’t the first time Google has invested directly in health efforts. What has changed over the years about Google’s solving health-related problems?

Some of Google’s early efforts didn’t gain traction due to various challenges the entire industry was facing at the time. During this period, I was a hospital administrator and no one talked about interoperability—a term familiar to those of us in the industry today. We were only just starting to think about the behemoth task of adopting electronic health records and bringing health data online, which is why some of the early projects didn’t really get off the ground. Today we take some of this for granted as we navigate today’s more digitized healthcare systems.

The last few years have changed the healthcare landscape—offering up new opportunities and challenges. And in response, Google and Alphabet have invested in efforts that complement their strengths and put users, patients, and care providers first. Look no further than the promising AI research and mobile applications coming from Google and DeepMind Health, or Verily’s Project Baseline that is pushing the boundaries of what we think we know about human health. And there’s so much more we can and will do.

Speaking of AI, it features prominently in many of Google’s current health efforts. What’s next for this research?

There’s little doubt that AI will power the next wave of tools that can improve many facets of healthcare: delivery, access, and so much more.

When I consider the future of research, I see us continuing to be deliberate and thoughtful about sharing our findings with the research and medical communities, incorporating feedback, and generally making sure our work actually adds value to patients, doctors and care providers.

Of course, we have to work toward getting solutions out in the wild, and into the hands of the pathologist scanning slides for breast cancer, or the nurse scanning a patient’s record for the latest lab results on the go. But this needs to be executed safely, working with and listening to our users to ensure that we get this right.

Now that you’ve been here for six months, what’s been most surprising to you about Google or the team?

I can’t believe how fantastic it is to not wear a suit after decades of formal business attire. When I got the job I ended up donating most of my suits. I kept a few, you know, for weddings.

On a more serious note, I’m blown away every day by the teams I’m surrounded by, and the drive and commitment they have for the work they do. I’m thrilled to be a part of this team.

What's your life motto?

I know this sounds cheesy, but there are three words I really do say every morning when I arrive in the parking lot for work: passion, humility, integrity. These are words that ground me, and also ground the work we are doing at Google Health.

Passion means we have to get this right, and feel that health is a cause worth fighting for, every day. We need humility, because at the end of the day, if we move too quickly or mess up, people’s lives are on the line. And integrity means that we should come to work with the aim of leaving the place—and the world—better than when we found it.


16 ความคิดเห็น:

  1. PaketQQ merupakan situs judi dominoqq online dan bandarq dengan pelayanan 24 jam online non stop dan proses deposit withdraw terpercaya di indonesia.

    ตอบลบ
  2. และเลือกลงเดิมพันเส้นละ 5 บาท ลงเดิมพันทั้งหมด 30 เส้น fun88 casino

    ตอบลบ
  3. เว็บรวมความบันเทิง ที่พร้อมให้ทุกคนเข้ามาร่วมสนุกได้

    ตอบลบ
  4. เกมบาคาร่า เว็บคุณภาพสูง Lcbet88 เว็บดังในตำนาน เปิดนานกว่า 5 ปี

    ตอบลบ
  5. ดูบอลสด ครบทุกคู่ทุกลีก ภาพชัด ลิ้งฟรี โปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล ที่ Livesodball

    ตอบลบ
  6. บาคาร่า สล็อต แทงบอลออนไลน์ สมัครง่าย สมัครฟรี ไม่มีขั้นตํ่า ไม่ต้องทำเทิร์น

    ตอบลบ
  7. หนังออนไลน์ พากย์ไทย เต็มเรื่อง

    ตอบลบ
  8. เล่นบาคาร่า เว็บตรง คนเล่นเยอะทีสุด

    ตอบลบ
  9. ทางเข้าเว็บรวมความบันเทิง

    ตอบลบ
  10. สล็อตออนไลน์ เกมออนไลน์เล่นง่าย

    ตอบลบ
  11. บาคาร่าออนไลน์ Lcbet88 ฝากถอนไว จ่ายเงินจริง ระบบออโต้ แตกดีที่สุดในไทย

    ตอบลบ
  12. บาคาร่าออนไลน์ win8s เดิมพันผ่าน บาคาร่าเว็บตรง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เล่นได้ผ่านมือถือ

    ตอบลบ
  13. ดู หนัง ออนไลน์ เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง หนังใหม่เข้าโรง ดูหนังฟรี หนังใหม่ออนไลน์

    ตอบลบ